วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

วัวตัวนั้น ที่ต้องฆ่า [1]

     กาลครั้งหนึ่ง มีครูผู้ชาญฉลาดและมากประสบการณ์
คนหนึ่งต้องการจะสอนบทเรียนชีวิตแก่ศิษย์ของเขาถึง
เคล็ดลับของการมีชีวิตที่มีความสุขและเจริญรุ่งเรือง
แต่ครูเฒ่าก็รู้ดีว่าคนส่วนใหญ่มักจะต้องเผชิญกับภาระและความ
ยุ่งยากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในขณะที่ไขว่คว้าหาความสำเร็จ เขาจึงคิดว่าบท
เรียนแรกที่จะสอนน่าจะเป็นบทที่อธิบายว่า ”ทำไมคนส่วนใหญ่จึงยัง
มีชีวิตธรรมดาๆ„
     ครูชราคิดว่ายังมีชายหญิงจำนวนมากที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถ
เอาชนะอุปสรรคที่กีดขวางความสำเร็จของตนเอง และลงเอยด้วยการมี
ชีวิตที่ไม่สมหวังและสุดจะทานทนได้  ครูผู้นี้รู้ดีว่าการจะให้ศิษย์หนุ่ม
ของเขาเข้าใจถึงบทเรียนสำคัญนี้ศิษย์จะต้องได้ประจักษ์ด้วยตาตนเอง
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเรายอมให้”ความธรรมดาสามัญ„ มาควบคุมชีวิต
ของเรา
     เพื่อสอนบทเรียนที่สำคัญบทนี้ครูจึงตัดสินใจออกเดินทางไป
กับศิษย์ เพื่อไปยังหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในจังหวัด  หมู่บ้านแห่งนี้ดู
แร้นแค้น รกร้างไปทั่วบริเวณ และผู้ที่อาศัยในหมู่บ้านนี้ก็ดูเหมือนจะถอดใจให้กับชะตากรรมของตนไปแล้ว
     ในทันทีที่ไปถึง ครูชราก็ได้ขอให้เด็กชายในพื้นที่คนหนึ่งช่วยเสาะ
หาบ้านที่ยากจนที่สุดในแถบนี้และที่นั่นจะเป็นแหล่งพักพิงของพวกเขา
ในค่ำคืนนั้นด้วย
     หลังจากที่เดินไปไม่นาน พวกเขาก็มาถึงท้ายหมู่บ้าน  ครูและศิษย์
ก็มาหยุดยืนอยู่หน้ากระท่อมแห่งหนึ่งซึ่งมีสภาพทรุดโทรมที่สุดเท่าที่พวก
เขาเคยพบเห็นกระท่อมที่จะพังมิพังแหล่นี้อยู่ริมนอกสุดของบ้านที่สร้างใกล้กัน
เป็นกระจุกเล็ก ๆ ในเขตชนบทแห่งนี้และดูจะเป็นกระท่อมของ
ครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นที่สุดของที่นี่  ผนังกระท่อมที่เห็นนั้น ทรงตัว
ตั้งอยู่ได้ราวปาฏิหาริย์เพราะดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะทลายลงได้ทุกเมื่อ
ส่วนหลังคามุงจากที่เสื่อมโทรมจนไม่น่าจะคุ้มแดดคุ้มฝนได้นั้น ก็มีน้ำ
หยดไหลรั่วลงมา  ข้างๆผนังของกระท่อมก็มีขยะทุกชนิดกองสุมรวม
กัน ทำให้ไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม
      หลังจากที่เด็กชายเดินไปบอกเจ้าของบ้านว่ามีชายแปลกหน้าสอง
คนมาหา เจ้าของบ้านก็เดินออกมาทักทายผู้มาเยือนทั้งสองอย่างเป็นมิตร
”สวัสดีท่านเจ้าบ้านผู้มีน้ำใจ„  ครูชรากล่าวตอบ  ”ท่านจะ
อนุญาตให้นักเดินทางที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยสองคนได้พักอาศัยกับท่าน
ในค่ำคืนนี้ได้ไหม„
”เราอยู่กันแออัดมาก แต่เราก็ยินดีต้อนรับท่านถ้าท่านไม่รังเกียจ„
     เมื่อครูและศิษย์ก้าวเข้าไปข้างใน พวกเขาก็ถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นว่า
กระท่อมรูหนูที่มีเนื้อที่ไม่มากไปกว่า 150 ตารางฟุตแห่งนี้เป็นที่พักอาศัย
ของครอบครัวที่มีถึงแปดชีวิต คือ พ่อ แม่ ลูกสี่คน และตายายอีกสอง
คน ซึ่งต่างก็พยายามแบ่งเนื้อที่ให้แก่กันภายใต้สภาพที่เบียดเสียดนั้น
สารรูปผอมเก้งก้างและเสื้อผ้าขาดวิ่นบ่งบอกถึงความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นอดอยาก  หน้าตาที่หมองเศร้าและศีรษะที่ก้มต่ำแสดงให้เห็นว่า
ความยากจนไม่เพียงแต่เข้าครอบงำร่างกายของคนบ้านนี้แต่มันซึมลึก
เข้าไปในขั้วหัวใจของสมาชิกทุกชีวิตเลยทีเดียว
     ผู้มาเยือนทั้งสองอดไม่ได้ที่จะชำเลืองแลไปรอบๆ และก็อดสงสัย
ไม่ได้ว่าในกระท่อมหลังนี้จะมีอะไรที่เป็นสิ่งของมีค่าบ้างท่ามกลางความ
แร้นแค้นขนาดนี้  ปรากฏว่าไม่มีอะไรเลย!
     ผู้มาเยือนทั้งสองก้าวออกไปนอกบ้าน พวกเขาได้พบว่าสิ่งที่เข้าใจ
ตั้งแต่แรกนั้นไม่ถูกต้อง  ที่น่าแปลกใจก็คือครอบครัวนี้ยังมีทรัพย์สินที่
ไม่ธรรมดา จะว่าเป็นทรัพย์สินชิ้นพิเศษสุดก็ว่าได้  ภายใต้สภาวการณ์
อย่างนั้น ครอบครัวนี้มี”วัว„ อยู่ในครอบครองหนึ่งตัว
แม่วัวตัวนี้ไม่น่าดูสักเท่าไร แต่ปรากฏว่ากิจวัตรของทั้งครอบครัว
ต่างก็เกี่ยวข้องกับแม่วัวทั้งสิ้น  พวกเขาต้อง ”เลี้ยงวัว„ ”ดูแลให้น้ำวัว„
”ผูกวัวไว้ให้ดี„ ”ต้องไม่ลืมพาวัวไปเล็มหญ้าที่ทุ่งหญ้า„ ”รีดนมวัว!„  พูด
ได้ว่าแม่วัวตัวนี้มีบทบาทมากเหลือเกินในครอบครัวนี้แม้ว่าน้ำนมเพียง
น้อยนิดจากแม่วัวนั้นแทบจะไม่พอประทังชีวิตคนทั้งแปด   
     อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าแม่วัวตัวนี้จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ยิ่ง
ใหญ่กว่านั้น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความ
ยากจนอย่างที่สุด  ในแหล่งที่ทุกอย่างขัดสนไปหมดนั้น การมีทรัพย์สิน
ที่ ”มีค่า„ ทำให้พวกเขาได้รับการนับหน้าถือตาจากเพื่อนบ้าน หากว่าไม่
ถูกเพื่อนบ้านอิจฉาเสียก่อน
      และที่แห่งนั้น ก็เป็นที่ซึ่งทั้งครูชราและศิษย์หนุ่มได้พักอาศัยใน
คืนนั้น ท่ามกลางสภาพที่เลวร้ายและยุ่งเหยิง
 
     เช้าวันใหม่ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ทั้งคู่ตื่นขึ้นอย่างเงียบๆ
โดยระแวดระวังไม่ทำให้ใครตื่น เพื่อออกเดินทางต่อไป

ชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์มองไปรอบๆ ราวกับว่าจะเก็บภาพสถานที่
แร้นแค้นแห่งนั้นไว้ในความทรงจำ  จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่แน่ใจว่าได้รับ
บทเรียนอะไรที่ครูของเขาตั้งใจจะสอน  อย่างไรก็ดีก่อนที่พวกเขาจะ
ออกเดินทางสู่ท้องถนน ครูชรากระซิบกับเขาว่า  ”ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่
เจ้าจะได้เรียนรู้บทเรียนที่พาเรามาสู่สถานที่อัตคัดแห่งนี้„
     ในช่วงเวลาสั้นๆที่ศิษย์หนุ่มได้มาพำนักอยู่ที่นี่ เขาได้เห็นชีวิตที่
แทบจะไม่มีอะไรเลย  แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวนี้
ยากจนขนาดนี้  ทำไมพวกเขาจึงยอมให้ตนเองยากจนข้นแค้นได้ถึงเพียง
นี้  อะไรหนอเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขายอมอยู่ที่จุดนั้น
     ครูเฒ่าเดินไปที่แม่วัวอย่างช้าๆ มันถูกผูกไว้กับเสารั้วที่ง่อนแง่น
และอยู่ห่างออกไปจากตัวบ้านไม่ถึงยี่สิบหลา  เมื่อพวกเขาเดินมาใกล้แม่
วัวจนเหลือระยะแค่ก้าวเดียว ชายชราก็ดึงดาบสั้นออกจากปลอกดาบที่
ถืออยู่  ชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์งุนงงมาก  เมื่อชายชราเงื้อมือขึ้น ชายหนุ่มก็
ต้องตะลึงกับสิ่งที่คิดว่ากำลังจะเกิด  เขามองดูอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
ขณะที่ครูของเขาใช้มีดปาดคอวัวอย่างรวดเร็ว  บาดแผลฉกรรจ์ที่เกิดขึ้น
ทำให้แม่วัวทรุดลงกับพื้นและสิ้นใจในที่สุด
..........................โปรดติดตามตอนต่อไป................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น